Australian and Briton Appear in Thai Court

เธอคือใคร

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Me singing Don't Know Why (Norah Jones)

icklelittlebee October 23, 2008 2:38
Yea i know i sang it off-tune at some moments :PMe singing Norah Jones' Don't Know Why at the OESA & Duke of Edinburgh's Award Support Committee Gala Dinner, Thailand.

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

6_มุมมองต่างประเทศเสธแดง.flv

6_มุมมองต่างประเทศเสธแดง.flv voicetv1 — May 13, 2010 — สื่อมวลชนต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์ลอบยิงเสธ.แดงรายงานสิ่งที่พวกเขา เห็น และแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

เสธ.แดง จาก ABC news.

เสธ.แดง จาก ABC news. jimbandon — May 14, 2010 —

พลิกปูมเสธ แดง

buzleo — May 14, 2010 — พลิกปูมเสธ แดง สกู๊ปจากไทยพีบีเอสและ ช่อง9

เส้นทางชีวิตเสธแดง.flv

voicetv1 — May 14, 2010 —
Category: News & Politics
Tags:
7 เส้นทางชีวิตเสธแดง

อาลัยเสธแดง-ลาก่อน

หลับให้สบายเถิดท่านนายพลนายทหารผู้กล้าแห่งกองทัพไทยวีรบุรุษผู้ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมที่ท่านได้มอบให้แก่ประชาชนด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของท่านเอง...ขอกราบคารวะดวงวิญญาณพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล...ที่ท่านได้เสียสละปกป้องชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์...หลับให้สบายนะคะ...ท่านจะอยู่ในหัวใจของพวกเรา..ตลอดกาล /4981353 — May 16, 2010 — อาลัยเสธแดง-ลาก่อน

นักข่าว บอกกระสุนข้ามหัวเขาไปโดน เสธแดง

นักข่าว บอกกระสุนข้ามหัวเขาไปโดน เสธแดง voicetvcoth — May 13, 2010

นักข่าวบอกเหตุการณ์วันที่เสธแดงถูกยิง

juppersuper1978 — May 18, 2010 —

[ENG SUB] Man died from souldier bullet_ leaves honking from a car_ Thai...

[ENG SUB] Man died from souldier bullet_ leaves honking from a car_ Thai REDSHIRT protest /RedHeart2553 — May 16, 2010 — ทหารพร้อมอาวุธสงครามร้ายแรงยิงประชาชนมือเปล่า รวมทั้งคนเสื้อแดง และผู้ ถือบัตร นปช

2010-05-15@2101 CNN ThaiArmySniper_RedgotSlingshot&Rocks.

RedHeart2553 — May 16, 2010 — พลซุ่มยิงของทหารไทยใช้ปืนสไนเปอร์ยิงคนทั่วไป และคนเสื้อแดง นปช

นาทีชีวิต

juppersuper1978 — May 16, 2010 — ไม่มีวี่แววของการต่อสู้ โต้ตอบ ไม่มีอาวุธสักชิ้นในมือ มีเพียงยางรถยนต์ที่ถูกมองว่า คือความรุนแรงของคนเสื้อแดง แต่ที่แท้มันคือเครื่องช่วยชีวิตของพวกเรา ขอให้มองพวกเราด้วยความยุติธรรมบ้าง คนไทยที่มีเลือดเนื้อเหมือนพวกคุณนะ

The Army shoots the people-ทหารยิงประชาชน

The Army shoots the people-ทหารยิงประชาชน RedHeart2553 — May 16, 2010 — ทหารพร้อมอาวุธสงครามร้ายแรงยิงคนไทยเพื่อรักษาอำนาจนายอภิสิทธิ์

คลิปซอยรางน้ำ

RedHeart2553 — May 17, 2010 — คลิปที่รางน้ำ ทหารยิงประชาชนโดยไม่มีทางสู้ ไม่มีอาวุธ การใช้กำลังทหาร พร้อมอาวุธสงครามไล่ยิงคนตายเป็นว่าเล่น ยิงมั่วๆ ไม่พบว่า ประชาชนที่ตายจะมีอาวุธสักคนข่าวทหารตายก็ไม่มี ไหนบอกว่าผู้ก่อการร้าย มีแต่ ประชาชนโดนอาวุธทหารฆ่าตายทั้งนั้นนี่ แหละผลงานของ รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลเผด็จการทหารทรราช/ข้างล่างนอน หลบกระสุน พอกล้องหมุนไปทางซ้าย ไอ้คนบนตึกเดิน สบาย มันแปลกๆ ไหม

ทหารยิงประชาชน


หมดแล้วศักดิ์ศรีทหารไทย......เพราะใครเพราคนหนีทหารเพียงคนเดียว
lovetsn2 3 hours ago
ESirikit
1 week ago
คืน อำนาจประชาธิปไตยให้ประชาน...แล้วเจ้าจะแข็งแกร่ง......อย่าได้ก้าวล้ำ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค....ถ้าบ้านเมืองนี้....มีความยุติธรรม....เราจะออกมาเรียกร้องทำไม

ชาวบ้านอนุสาวรีย์ชัยแค้นทหาร

RedHeart2553 — May 16, 2010 — ชาวบ้านอนุสาวรีย์ชัยแค้นทหารที่ใช้ปืนสงครามยิงประชาชน และคนเสื้อแดง และ นปช

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Red Shirts and the Old Order in Thailand pt2

NewsClickin — June 19, 2010 — Shlamali Guttal from "Focus on the Global South" talks about the Protests by the "red shirts" and the following military crackdown.

Red Shirts and the Old Order in Thailand pt1

NewsClickin — June 19, 2010 — Shlamani Guttal from "Focus on the Global South" talks about the Protests by the "red shirts" and the following military crackdown using photographs.

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Fwd: โลกอวตาร

From: เพ็ญ พรรณงาม
Date: Fri, 11 Jun 2010 07:34:04 -0700 (PDT)
Subject: โลกอวตาร
To:
Porsche

โลก อวตาร !!!

________________________________________
โดย นายหัวดี

โลกไม่เคยเสียใจเลยกับข่าว ต่างๆนับตั้งแต่สยามไม่ยิ้ม
เพราะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายนั้น
แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น
"ดินแดนแห่งรอยยิ้ม" และ "ดินแดนแห่งธรรมะ"

ประเทศที่ได้รับการ ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในต้นแบบการพัฒนาประชาธิปไตย

ประเทศที่น่าลงทุน มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และกำลังจะก้าวไปสู่
"เสือเศรษฐกิจ" ของเอเชีย

ประเทศ
ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก
ฯลฯ

แต่แค่ 4 ปี คำยกย่องและความเป็นที่สุดต่างๆก็อันตรธานหายไปในชั่วพริบตา
เพราะคนไม่ กี่คน ไม่กี่กลุ่มที่ทำมาหากิน
และเสพสุขเยี่ยงอัครมหาเศรษฐีมากด้วย บารมีและอิทธิพลไล่กัด ไล่ฟัดกันเอง
พร้อมๆกับมหกรรมโกหกตอแหล

บ้าน เมืองนับแต่นั้นมาไม่ใช่แค่ไม่มี "รอยยิ้ม"
หรือคำยกย่องสารพัดเท่านั้น
แต่ กลับมีแต่คำว่า "ฉิบหายและหายนะ"

ดินแดนแห่งรอยยิ้มและธรรมะกลับเต็ม ไปด้วยซากศพและเลือดที่นองแผ่นดิน!

ผู้ปกครองไร้คุณธรรม ไร้ศีลธรรม ผู้คนในบ้านเมืองวิปริต
"โง่ งม งาย" ยอมเป็นวัวเป็นควายให้ลากจูงและไปตาย

ผู้ปกครองและผู้นำบ้าน เมืองกลายเป็นโจร เป็นฆาตกร และเป็นคนชั่ว!

ขณะที่ฆาตกรและโจรกลาย เป็นผู้ปกครองและผู้นำบ้านเมือง!

ประชาชนกลายเป็นผู้ก่อการร้ายและ ฆาตกร!

สยามไม่ยิ้มวันนี้จึงไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ

ใคร เป็น "โจร" ใครเป็น "ฆาตกร"?

ใครเป็น "คนชั่ว" ใครเป็น "คนดี"?

ความ ยุติธรรมและความชอบธรรมอยู่ที่ใครเป็นผู้ใช้ "นิติรัฐ" และใครเป็น
"พวกกู"

จึง ไม่แปลกที่ "หล่อหลักลอย" และ "เทพอมทุกข์" ยังยิ้มร่า
แม้จะทำให้คนตาย ไปเกือบ 100 ศพ!

"ศูนย์อับเฉา" ยังใหญ่คับแผ่นดิน
เพราะ "กฎหมายฉกฉวย" ที่แม้แต่ "ท่านเปา" ยังอยู่ใต้บารมี "ศูนย์อับเฉา"

แต่ ที่สนุกและตื่นเต้นเป็นทวีคูณคือ
การสร้าง "โลกเทียม" ขึ้นมาใหม่ โลกที่มีแต่สันติสุขและความรัก
เพราะแผนปรองดองที่จะไม่มีการแบ่งพวก แบ่งสี แบ่งข้าง

เพราะมีแต่พวกกู ข้างกู และสีกูเท่านั้น!

นี่ คือโลกใหม่ "โลกอวตาร" ของ "หล่อหลักลอย" ที่มีแต่ซากศพที่พูดไม่ได้!

http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=39539

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

화려한휴가.May.18.2007.DVDRip.XViD.AC3.1

Shut the fuck up. It looks like Pearl Harbor to u bcoz your grandpa used to suck mad Kamikaze dicks. And u should be beheaded for wasting your daddy's sperm and for just watching your mommy and sisters getting raped and mutilated. Now you feel so guilty insecure and confused, u have to write something so stupid and coward just to sleep at night. And then when you fall asleep you get impaled in the ass by noses of Kamikaze planes over and over until you wake up screaming in own sweat and feces.

The last hour of Elena and Nicolae Ceausescu

iipmBerlin — February 10, 2009 — Keine der Diktaturen in Osteuropa war totalitärer als die des Nicolae Ceausescu - und keine wurde blutiger gestürzt. Die Hinrichtung des Ehepaars Ceausescu am 25. Dezember 1989 in der Militärkaserne von Tirgoviste bildet den dramatischen Höhepunkt einer Revolution, deren Hintergründe bis heute ungeklärt sind. DIE LETZTEN TAGE DER CEAUSESCUS erzählt die rumänische Revolution erstmals von innen heraus und macht die Atmosphäre jener Tage aus Euphorie, Unsicherheit und Verrat spürbar.

Sarakadee Magazine สารคดี ฉบับ 303 คอลัมน์ โลกบันเทิง -ภาพยนตร์ คุณไกรวุฒิ หนึ่งในนักเขียนประจำคอลัมน์นี้แตกประเด็นด้วยการนำเสนอเรื่อง "คลิป : สร้างได้ แต่เป็นเจ้าของไม่่ได้" หนึ่งในคลิปที่ไม่ใช่ภาพยนตร์คือคลิปการไต่สวน-สังหาร นิโคไล เชาเชสกู และภรรยา อดีตประธานาธิบดีโรมาเนีย ซึ่งปัจจุบันความเห็นใน Youtube ทำให้เกิดความจริงอีกชุดหนึ่งต่างไปจากความจริงเคยมองทรราชคนนี้

http://www.youtube.com/watch?v=v_azkovlxv4&feature=related

นายกฯ ที่เหี้ยที่สุดในประเทศ 4

truththailand2010 — June 02, 2010 — นายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ที่เหี้ยที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่มีนายกรัฐมนตรีมาสั่งฆ่าประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมได้ลงคอ เพียงเพื่ออยากเป็นนายกฯไปนานๆ สั่งทหารฆ่าประชาชนทั่วกรุงเทพฯเพียงเพื่อ จะให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ประชาชนไม่เอามึงแล้ว นายกฯที่เหี้ยที่สุดในประเทศ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังหน้าด้านเป็นนายกฯอีกหรือ ออกไปๆๆๆ เสียงของประชาชนดังก้องไปในทุกๆพื้นที่ทั่วผืนแผ่นดินไทย

นายกฯ ที่เหี้ยที่สุดในประเทศ 3

truththailand2010 — June 02, 2010 — นายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ที่เหี้ยที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่มีนายกรัฐมนตรีมา สั่งฆ่าประชาชนได้ลงคอ เพียงเพื่ออยากเป็นนายกฯไปนานๆ สั่งทหารฆ่าประชาชนทั่วกรุงเทพ ก่อนลงมือสังหารประชาชนที่ไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย โดยให้อภิสิทธิ์ยุบสภา และลาออกไป เพราะไม่มีความโปร่งใสในการบริหารงบประมาณแผ่นดิน และสั่งฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 53 และสั่งฆ่าประชาชนอีกรอบ เมื่อ 19 พฤษภาคม 53 มันเหี้ยจริงหรือไม่โปรดพิจารณาตามความเป็นจริง ในระบอบประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ทำไมถึงต้องยิงฆ่าด้วยอาวุธสงครามที่ร้ายแรงเช่นนี้

ประมวลคลิปต้องห้ามไม่ให้ฉายในสภา

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 6

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 6

จัดให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ ในลำดับแรก

ของพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดนั้น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ชี้แจงว่า บทความดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากว่า ทรัพย์สินที่บทความนำมาประเมินนั้น ในความเป็นจริง มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่เป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกันกับพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่น ที่บทความเดียวกันนี้ไม่ได้จัดอันดับฐานะความร่ำรวย เพราะทรัพย์สินต่างๆ ไม่ใช่ของกษัตริย์ หากแต่เป็นของคนทั้งชาติ

สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "ที่ดิน" ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่วนใหญ่หน่วยงานราชการ องค์กรสาธารณะกุศลเป็นผู้ใช้ประโยชน์ และจัดให้ประชาชน ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย รวมทั้งชุมชนอีกกว่าหนึ่งร้อยแห่ง เช่าในอัตราที่ต่ำ มีเพียงส่วนน้อยประมาณ 7% ของที่ดิน ที่จัดให้เอกชนเช่าและจัดเก็บในอัตราเชิงพาณิชย์

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงไปยังนิตยสาร Forbes แล้ว

อย่างไรก็ดีแม้กระทรวงต่างประเทศชี้แจงไปในปีที่แล้ว แต่มาในปีนี้ฟอร์บสยังคงจัดอันดับให้ในหลวงเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่2 โดยฟอร์บสอ้างว่า เพราะในหลวงมีพระราชอำนาจในการจัดการในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

4.พสกนิกรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จัดสรรเงินภาษีให้สำนักพระราชวังปีหน้า3พันล้านบาท

เวบไซต์ของสำนักงบประมาณ
http://www.bb.go.th/...00/00000038.PDF

เปิดเผยว่า งบประมาณ ของสำนักพระราชวัง ที่ประกาศใน "งบประมาณโดยสังเขป" ประจำปี 53 อยู่ที่ 2,364.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนนี้ 13.3% โดยเมื่อปีที่แล้ว งบนี้อยู่ที่ 2,086.3 ล้านบาท

งบประมาณของสำนักพระราชวัง

ปี 2502--------32,836,049 บาท
ปี 2522-------126,185,900 บาท
ปี 2523-------141,151,100 บาท
ปี 2524-------165,683,100 บาท
ปี 2525-------184,922,000 บาท
ปี 2526-------235,286,000 บาท
ปี 2527-------312,911,700 บาท
ปี 2528-------281,435,000 บาท
ปี 2529-------340,980,000 บาท
ปี 2530-------387,734,790 บาท
ปี 2531-------358,685,300 บาท

ปี 2533-------450,372,100 บาท
ปี 2534-------517,515,900 บาท
ปี 2535-------623,176,400 บาท
ปี 2536-------829,365,200 บาท
ปี 2537-------815,711,600 บาท
ปี 2538-------933,229,700 บาท
ปี 2539-------907,461,000 บาท
ปี 2540-------944,400,000 บาท
ปี 2541-------987,516,500 บาท
ปี 2542-------961,575,400 บาท
ปี 2543------1,028,315,500 บาท
ปี 2544------1,058,540,000 บาท
ปี 2545------1,136,536,600 บาท
ปี 2546------1,209,861,700 บาท
ปี 2547------1,275,948,400 บาท
ปี 2548------1,501,472,900 บาท
ปี 2549------1,676,888,800 บาท
ปี 2550------1,945,122,400 บาท
ปี 2551------2,086,310,000 บาท
ปี 2552-------2,086,310,000 บาท
ปี2553-------2,364.610,000 บาท
ปี2554----ประมาณการณ์เพิ่มขึ้นเป็น3,303 ล้านบาทเศษ*

http://www.sameskybo...showtopic=35415

ทั้งนี้งบประมาณที่พสกนิกรน้อมถวายด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนี้ก็เพื่อ
: ความสะดวกแด่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น

4. งบเงินอุดหนุน 835,519,200 บาท

4.1 เงินอุดหนุนทั่วไป 835,519,200 บาท
1) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานที่ประทับ 308,000,000 บาท

2) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานที่ประทับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

**สยามมกุฏราชกุมาร 198,000,000 บาท**

3) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระองค์ 65,625,000 บาท
4) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ 57,856,000 บาท
5) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้ายในพระราชฐานต่างจังหวัด 110,000,000 บาท
6) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินเบี้ยหวัดข้าราชการฝ่ายใน 8,908,200 บาท
7) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินพระราชกุศลตามพระราชอัธาศัย 9,900,000 บาท
8) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประสานงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี 19,380,000 บาท

9) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประสานงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 25,350,000 บาท

10) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพระราชฐานและซ่อมเครื่องตกแต่ง 11,000,000 บาท

11) เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพระตําหนักจิตรลดารโหฐานพร้อมจัดหาซ่อม ทําเครื่องใช้เครื่องตกแต่ง 16,500,000 บาท

12) เงินอุดหนุนโครงการบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 5,000,000 บาท

5. งบรายจ่ายอื่น 3,500,000 บาท
1) ค่าใช้จ่ายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ข้าราชการสํานักพระราชวังเดินทางไป ต่างประเทศ
2,000,000
บาท

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 5

ประชาชนชาวไทย

ตรงกันข้าม ราชวัง Buckingham และเครื่องเพชรของราชวงศ์ถือว่าเป็นสมบัติของชนชาติอังกฤษ ไม่ใช่ของพระราชินี Elizabeth เพราะฉะนั้นมันไม่ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินของพระองค์ แต่ทรัพย์สมบัติของพระองค์มาจากอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษและสก๊อตแลนด์ ภาพศิลปะ อัญมนี และแสตมป์สะสมโดยพระอัยกา

3.ในหลวงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ ทรงเป็นพระราชวงศ์ที่มั่งคั่งที่สุดของโลก2ปีซ้อนจัโดยForbes

1.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช, ราชณาจักรไทยพระราชทรัพย์: 30 พันล้านดอลลาร์ (ลดลงจากปีก่อน 5 พันล้านดอลลาร์) พระชนมายุ:81

2.Sultan Haji Hassanal Bolkiah, บรูไนพระราชทรัพย์: 20 พันล้านดอลลาร์ (ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน)
พระชนมายุ: 62

3.Sheikh Khalifa Bin Zayed Al Nahayan, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พระราชทรัพย์: 18 พันล้านดอลลาร์ (ลดลง 5 พันล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 61

4.King Abdullah bin Abul Aziz, ซาอุดิอาระเบียพระราชทรัพย์: 17 พันล้านดอลลาร์ (ลดลง 4 พันล้าดอลลาร์) พระชนมายุ: 85

5.Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum, ดูไบพระราชทรัพย์: 12 พันล้านดอลลาร์ (ลดลง6 พันล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 59

6.เจ้าชายฮานส์-อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์พระราชทรัพย์: ๑๒๒,๕๐๐ ล้านบาท (ลดลงจากปีที่แล้ว ๕๒,๕๐๐ ล้านบาท) พระชนมายุ: 64 พรรษา

7.King Mohammed VI, โมร็อคโคพระราชทรัพย์: 2.5 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่ม1 พันล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 45

8.Sheikh Hamad bin Khalifa Al Thani, การ์ตาร์พระราชทรัพย์: 2 พันล้านดอลลาร์ (ไม่เปลี่ยนแปลง) พระชนมายุ: 57

9.Prince Albert II, โมนาโคพระราชทรัพย์: 1 พันล้านดอลลาร์ (ลดลง400ล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 51

10.Prince Karim Al Husseini, Aga Khanพระราชทรัพย์: 800 ล้านดอลลาร์ (ลดลง 200 ล้านดอลลาร์)
พระชนมายุ: 72

11.Sultan Qaboos bin Said, โอมานพระราชทรัพย์: 700 ล้านดอลลาร์(ลดลง400ล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 68

12.Queen Elizabeth II, สหราชอาณาจักรพระราชทรัพย์: 450 ล้านดอลลาร์ (ลดลง200 ดอลลาร์) พระชนมายุ: 83

13.Sheikh Sabah Al-Ahmad Al-Jaber Al Sabah, คูเวตพระราชทรัพย์: 400 ล้านดอลลาร์ (ลดลง 100 ล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 80

14.Queen Beatrix Wilhelmina Armgard,เนเธอร์แลนด์พระราชทรัพย์: 200 ล้านดอลลาร์ (ลดลง100 ล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 71

15.King Mswati III, สวาซิแลนด์พระราชทรัพย์:100 ล้านดอลลาร์(ลดลง 100 ล้านดอลลาร์) พระชนมายุ: 41


กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง กรณีบทความพิเศษของนิตยสาร Forbes เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุด

เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ฟอร์บสได้จัดอันดับให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยอ้างว่าก่อนหน้านั้นนับเฉพาะทรัพย์สินส่วนพระองค์มีอยู่ราว 5 พันล้านดอลลาร์ เป็นอันดับที่ 5 ของโลก แต่ฟอร์บส์เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมีพระราชอำนาจในการจัดการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ด้วย จึงนำทรัพย์สินดังกล่าวมารวมเป็น 35 พันล้านเหรียญฯจึงถือว่าร่ำรวยที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงว่า กรณีที่นิตยสาร Forbes ได้เผยแพร่บทความพิเศษเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประจำปี พ.ศ. 2551 และได้

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 4

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

***ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 เป็นบริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้น 100% ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลและตรวจสอบของคณะกำกับดูแลของสำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานทรัพย์สินฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 มีทุนจดทะเบียน 11,621.57 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 11,240.95 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 24,601.92 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 14,183.56 ล้านบาท

ทำหน้าที่บริหารการลงทุนในหุ้นอื่น ๆ นอกจาก ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ เทเวศประกันภัย

2.พสกนิกรน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำนักงานทรัพย์สินฯจึงยกเว้นการเสียภาษีเข้ารัฐ http://www.crownprop....th/th/main.php

ข้อมูลจากเวบไซต์ของสำนักงานทรัพย์สินฯระบุว่า

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้รับการยกเว้นภาษีอากร
ทรัพย์สินส่วนพระองค์ จะต้องเสียภาษีอากร

ส่วนว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของแผ่นดินหรือของพระมหากษัตริย์ กฎหมายฉบับปีพ.ศ.2491ระบุไว้ว่า

*มาตรา 6 รายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่กล่าวในมาตรา 5 วรรคสองนั้นจะจ่ายได้ก็แต่เฉพาะในประเภทรายจ่ายที่ต้องจ่ายตามข้อผูกพัน รายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินเดือนบำเหน็จ บำนาญ เงินรางวัล เงินค่าใช้สอย เงินการจร เงินลงทุน และรายจ่ายในการพระราชกุศลเหล่านี้ เฉพาะที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว เท่านั้น

”รายได้ซึ่งได้หักรายจ่ายตามความในวรรคก่อนแล้ว จะจำหน่ายให้สอยได้ก็แต่โดยพระมหากษัตริย์ ตามพระราชอัธยาศัย”

ดังนั้นนิตยสารต่างประเทศคือFORBES และFORTUNE จึงเห็นว่า ในหลวงมีพระราชอำนาจเต็มในการจัดการทรัพย์สินของสำนักงานฯ จึงได้จัดให้พระองค์ท่านเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

อย่างไรก็ดีกระทรวงต่างประเทศของไทยเคยชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจผิดของนิตยสารต่างประเทศ เพราะสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นสมบัติของชาติ

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาตามแง่กฎหมายแล้ว ก็มักตีความกันว่า การชี้แจงว่าเป็นทรัพย์สินเป็นของแผ่นดินจึงตกไปตามนัยกฎหมายนี้

ส่วนเรื่องการยกเว้นภาษีให้สำนักงานทรัพย์สินฯนั้น ก็เนื่องจากพสกนิกรชาวไทยต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

3.FORBES เทิดพระเกียรติในหลวงของเรารวยที่สุดเหนือกษัตริย์ทั่วโลก นับเป็นบุญของพสกนิกรชาวไทยที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมีกษัตริย์เหนือกษัตริย์

http://www.forbes.co...est-royals.html

นิตยสารฟอร์บส์ยังจัดอันดับให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นพระราชวงศ์ที่มั่งคั่งที่สุดของโลก ในบรรดาพระราชวงศ์ที่ทรงมั่งคั่งที่สุดในโลก 15 พระราชวงศ์ประจำปี 2552 อันเป็นการรักษาอันดับที่ 1 ไว้ได้ต่อเนื่องจากปีก่อนนี้

โดยฟอร์บส์ระบุว่าทรงมีพระราชทรัพย์รวม 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว1,020,000ล้านบาท)ลดลงจากปีก่อนราว 5 พันล้านเหรียญ(ราว170,000ล้านบาท)ทั้งนี้เนื่องจากการลดลงของมูลค่าสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์และราคาหุ้นที่ถือโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสำนักงานที่พระองค์ท่านมีพระราชอำนาจในการจัดการ

วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศได้มีผลกระทบต่อพระราชทรัพย์ให้ลดลงไปด้วย

ฟอร์บส์รายงานว่า พระเจ้าอยู่หัวของไทยทรงครองสิริราชย์สมบัติยาวนานที่สุดในโลก พระองค์ได้รับการเคารพสักการะเยี่ยงพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระราชสมภพในสหรัฐอเมริกา ได้รับการศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์ ทรงพระราชอำนาจในราชณาจักรที่แบ่งแยกคนในชาติออกเป็นชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และประชาชนในชนบท

วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกสร้างผลกระทบให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในราชอาณาจักรไทย พระราชวงศ์ไทยมีอำนาจจัดการทรัพย์สินในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชน เช่น เครือซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และการเป็นเจ้าของที่ดินมหาศาล รวมทั้งที่ดินกว่า3,500 เอเคอร์ในเขตกรุงเทพฯที่จัดการดูแลโดยสำนักงานทรัพย์สินฯ

อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยย้ำว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่ถูกจัดการเพื่อประเทศชาติ

ฟอร์บส์ระบุด้วยว่า ความมั่งคั่งของราชวงศ์มาจากมรดกตกทอดหรือตำแหน่งทางอำนาจ มักจะถูกแบ่งปันกันในเครือญาติ และหลายๆครั้งที่มันหมายถึงเงินที่ถูกควบคุมโดยราชวงศ์ในรูปของกองมรดก (trust) สำหรับประเทศหรืออาณาเขต และด้วยเหตุผลนี้ ราชวงศ์ทั้ง 15 ราชวงศ์ในรายชื่อนี้ขาดคุณสมบัติที่จะถูกจัดอันดับประจำปีของเราในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด ไม่ว่าเขาจะมีสินทรัพย์เท่าไร

ยกตัวอย่างเช่น กษัตริย์ Mswati ที่ 3 ของ Swaziland เป็นผู้รับผลประโยชน์ของ 2 กองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยบิดาของเขาใน trust ของประเทศ Swaziland ในช่วงที่ครองราชย์เขามีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จในการใช้เงินที่เป็นรายได้จาก trust นั้น ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างราชวังให้กับมเหสี 13 พระองค์และพำนักอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวเมื่ออยู่ต่างประเทศ

เช่นเดียวกัน เรารวมทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของไทยในส่วนของทัรพย์สินของกษัตริย์ภูมิพลเพราะพระองค์เป็นผู้มีอำนาจเต็มในกองมรดก (trustee) อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยไม่เห็นด้วยและออกมาประกาศว่าทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ของกษัตริย์ แต่สำนักงานทรัพย์สินครอบครองและบริหารทรัพย์สินของสถาบันกษัตริย์ในนามของ

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 3

จึงน้อมใจถวายพระเกียรติยศให้ทั้ง3โลกรับรู้พระราชบุญญาบารมี และพระมหากรุณาธิคุณให้แผ่ไพศาล ดังต่อไปนี้

1. ต่างชาติเทิดพระเกียรติให้ในหลวงทรงเป็นนักลงทุนที่ร่ำรวยมั่งคั่งเป็นอันดับ1ในตลาดหุ้นไทย

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก สำนักข่าวอันดับ1ในโลกเศรษฐกิจการเงินการลงทุนของโลก เทิดพระเกียรติยกย่องให้ในหลวงของปวงชนชาวไทย เป็นนักลงทุนที่มั่งคั่งที่สุดในตลาดหุ้นไทย
http://www.bloomberg...r=world_indices

โดยทรงถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังต่อไปนี้

*1.1 SAMCO เจ้าของหมู่บ้านสัมมากร บ้านระดับเศรษฐีอยู่
1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 197,414,850 43.87

2. ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม 45,847,050 10.19

3. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 25,000,000 5.56

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

*1.2 TIC-ไทยประกันภัย
1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 3,526,567 18.56
16. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 214,755 1.13

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

*1.3 APRINT นิตยสารแพรว ร้านหนังสือนายอินทร์

10. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 3,157,895 1.58

15. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 1,263,158 0.63

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

*1.4 MINT-พิซซ่าฮัท ไอศกรีมสเวนเซ่นส์

12. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 72,470,861 2.24

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

*1.5SINGER-จักรเย็บผ้าซิงเกอร์

16. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 1,383,770 0.51

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

*1.6 DVS-เทเวศร์ประกันภัย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 27,600 0.23%
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 11,787,261 98.227%
ผู้ถือหุ้นอื่นๆ 185,139 1.543%
รวม 12,000,000 100.00%

http://www.deves.co....areholder04.asp
เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์เมื่อเร็วๆนี้

*1.7 SCC-ปูนซิเมนต์ไทย นอกจากขายปูนแล้ว ก็ยังถือหุ้นโตโยต้าประเทศไทย 10% คูโบต้าประเทศไทย 10%

1. สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์* 360,000,000 30.00
6. บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด 23,220,000 1.94
*นิตยสารFORBES และFORTUNEถือกันว่าสำนักงานฯมีในหลวงมีพระราชอำนาจในการจัดการเต็มที่ จึงนับเป็นพระราชทรัพย์ อย่างไรก็ตามกระทรวงต่างประเทศของไทยชี้แจงว่า สำนักงานฯเป็นสมบัติของชาติ

http://www.set.or.th...e=th&country=TH

1.8SCB-ธนาคารไทยพาณิชย์
1. สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 511,107,666 19.65

2. สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 211,834,292 8.14
9. บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด** 81,410,200 3.13
**เป็นบริษัทโฮลดิ้งสำหรับการลงทุนของสำนักงานทรัพย์สินฯ
http://www.set.or.th...e=th&country=TH

1.9CNT คริสเตียนี่&นีลเซ่น บริษัทรับเหมาก่อสร้าง
1. บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด*** 339,353,981 84.59

1.10 TPC ไทยพลาสติกเคมีภัณฑ์

1. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 393,789,820 45.00

2. บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด 197,781,250 22.60

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 2

เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการสินทรัพย์ต่าง ๆ สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้น 2 บริษัท คือ

• บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ทำหน้าที่บริหารการลงทุนในหุ้นอื่น ๆ นอกจาก ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ เทเวศประกันภัย

• บริษัท วังสินทรัพย์ จำกัด ทำหน้าที่ดูแลการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่

ทั้งสองบริษัทเสียภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป
[แก้] หลักทรัพย์ลงทุน
หลักทรัพย์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นใน 3 บริษัทหลักคือ ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ เทเวศประกันภัย บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป มีข้อมูลปัจจุบันดังนี้

• SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,200 ล้านบาท ราคาตลาดประมาณหุ้นละ 200 บาท
o สนง.ทรัพย์สินฯ ถือหุ้นประมาณ 30% จำนวนประมาณ 360 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 72,000 ล้านบาท
o ทุนลดาวัลย์ ถือหุ้นประมาณ 2% จำนวนประมาณ 23 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 4,600 ล้านบาท
• SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียนชำระแล้วประมาณ 15,000 ล้านบาท ราคาตลาดประมาณหุ้นละ 100 บาท
o สนง.ทรัพย์สินฯ ถือหุ้นประมาณ 8% จำนวนประมาณ 150 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท
o ทุนลดาวัลย์ ถือหุ้นประมาณ 4% จำนวนประมาณ 80 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท
• บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด เป็นบริษัทขนาดกลาง ทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท
o สนง.ทรัพย์สินฯ ถือหุ้นประมาณ 87% จำนวนประมาณ 10 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 87 ล้านบาท

[แก้] ผลการดำเนินงาน
บทความนี้ต้องการแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม เพื่อให้บทความน่าเชื่อถือและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
คุณสามารถช่วยพัฒนาวิกิพีเดีย โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้งานเขียนของคุณปราศจากแหล่งอ้างอิง
รายละเอียดเพิ่มเติม การอ้างอิงแหล่งที่มา - การพิสูจน์ยืนยันได้ - วิธีการเขียน - ป้ายนี้มีไว้เพื่ออะไร

ภายหลังจากมีฐานะเป็นนิติบุคคลในปี พ.ศ. 2491 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีการบริหารงานเช่นเดียวองค์กรทั่วไป จนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ถือหุ้นอยู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงได้มีการปรับปรุงการบริหารงาน โดยยึดหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และกิจการต่าง ๆ ที่ลงทุนเริ่มฟื้นตัวได้ในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งทำให้สำนักงานทรัพย์สินฯ มีรายได้ในปี พ.ศ. 2546 ประมาณ 3,800 ล้านบาท

จากการแถลงข่าวประจำปี พ.ศ. 2548 ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดย นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้แจ้งว่าในปี พ.ศ. 2547 สำนักงานทรัพย์สินฯ มีรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาท โดยประมาณ 90% เป็นรายได้จากเงินปันผลของหุ้นใน บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และเทเวศประกันภัย ที่เหลืออีกประมาณ 8% หรือประมาณ 400 ล้านบาท เป็นรายได้จากค่าเช่า ที่ได้รับจากประชาชน และหน่วยงานของราชการ ที่เช่าที่ดินของ สำนักงานทรัพย์สินฯ

[แก้] อ้างอิง
• พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479
• พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2484
• พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2491

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
• เว็บไซต์ สำนักงานทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์
• แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
o ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย หรือ กูเกิลแมป
o แผนที่ จาก มัลติแมป หรือ โกลบอลไกด์

ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์






ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลัพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม

ด้วยปวงข้าพระพุทธเจ้า รู้สึกน้อมสำนึกในพระมหากรุณาเป็นล้นพ้น จึงใคร่ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำเสนอพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ และพระราชบุญญาธิการอันเกริกไกรของพระองค์ท่านผู้เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั่วสากลโลก น้อมถวายพระเกียรติให้ปรากฎไปทั้งสากลจักรวาล

ด้วยว่าพระราชบุญญาธิการ และพระราชกรณียกิจดังกล่าว หน่วยงานราชการ และภาคเอกชนต่างทราบกันดี เพราะมีบันทึกไว้ทั้งเอกสารราชการและเอกสารชั้นต้นต่างๆ แต่จะหาใครถวายความจงรักภักดีถวายพระเกียรตินั้น หาไม่ได้เลย ปวงข้าพระพุทธเจ้า

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 1

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (Crown Property Bureau หรือย่อว่า CPB) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามความใน พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 เดิมมีฐานะเป็นหน่วยงานราชการ สังกัดกระทรวงการคลัง และได้ยกฐานะขึ้นเป็นนิติบุคคลเมื่อปี พ.ศ. 2491 มีหน้าที่ดูแลรักษาและบริหารทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่กำหนดให้แยกต่างหากจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ (เช่น วังสระปทุม ที่ทรงได้รับสืบทอดมาจากพระราชบิดา) ซึ่งดูแลโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (เช่น พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน) ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวโดยสรุปแล้วก็คือพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรีที่แยกต่างหากจากทรัพย์สินของราชการ เช่น เงินจากการแต่งสำเภาค้าขายต่างประเทศของรัชกาลที่ 3 หรือที่เรียกว่า "เงินถุงแดง" ซึ่งตกทอดมาถึงรัชกาลที่ 5 และใช้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศส หลังเหตุการณ์สงคราม ร.ศ. 112 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ประเทศสยามรักษาเอกราชไว้ได้ หรือ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ที่ก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6

ต่อมาภายหลังการปฏิวัติปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 เนื่องจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรีที่แยกต่างหากจากทรัพย์สินของราชการ เพื่อความเหมาะสมจึงมีการออกกฎหมายกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 และมีการแก้ไขปรับปรุงมาจนถึงปัจจุบัน

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้รับการยกเว้นภาษีอากรเช่นเดียวกับทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 ในขณะที่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ในความดูแลของสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีอากร
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีทรัพย์สินในความดูแลเป็นที่ดินกว่า 54 ตร.กม.ในกรุงเทพมหานคร และ 160 ตร.กม.ในจังหวัดอื่น โดยทำสัญญาให้เช่าแก่หน่วยงานราชการ องค์กรธุรกิจและบุคคลทั่วไปรวมประมาณ 36,000 สัญญา นอกจากนี้ยังมีหลักทรัพย์ลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นใน 3 บริษัทหลักคือ ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และเทเวศประกันภัย

เนื้อหา
[ซ่อน]
• 1 ที่ตั้ง
• 2 การบริหาร
• 3 บริษัทในเครือ
• 4 หลักทรัพย์ลงทุน
• 5 ผลการดำเนินงาน
• 6 อ้างอิง
• 7 แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้] ที่ตั้ง
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ย้ายที่ทำการมาแล้วสี่ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2489 มาอยู่ที่ "วังลดาวัลย์" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "วังแดง" ตั้งอยู่เลขที่ 173 ถนนราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร อาคารสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แห่งนี้ได้รับรางวัล อาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2525 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์

[แก้] การบริหาร
พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 กำหนดให้มี คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่า 4 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์จะได้ทรงแต่งตั้ง และในจำนวนนี้จะได้ทรงแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หนึ่งคน

ปัจจุบัน คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
• นายเชาวน์ ณ ศีลวันต์ เป็นกรรมการ
• นายสุธี สิงห์เสน่ห์ เป็นกรรมการ
• เรืออากาศโทศุลี มหาสันทนะ เป็นกรรมการ
• นายพนัส สิมะเสถียร เป็นกรรมการ
• นายเสนาะ อูนากูล เป็นกรรมการ
• นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นกรรมการ และ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ผู้บริหารอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คือ ม.ร.ว. ยงสวาสดิ์ กฤดากร ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
[แก้] บริษัทในเครือ
 


 

สำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 7

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สำนักงาน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 7


2) ค่าใช้จ่ายในการจัดการปัญหาแมลงและสัตว์รบกวนในเขตพระราชฐาน 1,000,000 บาท
3)
ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบบริหารความรู้ภายในองค์กรสํานักพระราชวัง 500,000 บาท

5.
พสกนิกรน้อมใจจัดสรรงบประมาณจากภาษีให้โครงการตามพระราชดำริทุกปี และโครงการตามพระราชดำรินั้น ใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินที่ประชาชนจ่ายภาษี

http://www.bb.go.th/...lue51/25004.pdf

คนมักเข้าใจผิดๆว่าสำนักงานโครงการพระราชดำรินั้น เป็นโครงการที่ในหลวงใช้จ่ายเงินส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกร ความจริงคือ

5.1
ใช้งบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชน
5.2
โครงการต่างๆที่ว่า6พันกว่าโครงการนั้น ก็ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนผ่านโครงการของหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ

(
รายละเอียดครับ)
กรม : สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ผลผลิต : โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์

1.
งบบุคลากร 5 2,598,800 บาท
1.1
เงินเดือนและค่าจ้างประจำ 4 2,760,100 บาท
1.1.1
เงินเดือน 3 8,863,600 บาท
(1)
อัตราเดิม 3 3,096,600 บาท
(2)
เงินประจำตำแหน่ง 2 ,274,000 บาท
(3)
เงินค่าตอบแทนรายเดือนสำหรับข้าราชการ 3 ,324,000 บาท
(4)
เงินช่วยเหลือการครองชีพข้าราชการระดับต้น 1 69,000 บาท
1.1.2
ค่าจ้างประจำ 3 ,896,500 บาท
(1)
อัตราเดิม (ค่าจ้างประจำ) 3 ,575,600 บาท
(2)
เงินช่วยเหลือการครองชีพพิเศษ 3 20,900 บาท
1.2
ค่าตอบแทนพนักงานราชการ 9 ,838,700 บาท
1.2.1
ค่าตอบแทนพนักงานราชการ 9 ,838,700 บาท
(1)
ค่าตอบแทนพนักงานราชการ 9 ,838,700 บาท
2.
งบดำเนินงาน 2 6,644,900 บาท
2.1
ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ 2 4,350,500 บาท
2.1.1
ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ 2 4,350,500 บาท
(1)
ค่าอาหารทำการนอกเวลา 3 00,000 บาท
(2)
ค่าเช่าบ้าน 4 1,900 บาท
(3)
รายการค่าตอบแทนอื่น ๆ 1 ,780,700 บาท
(4)
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พักและค่าพาหนะ 7 ,368,500 บาท
(5)
ค่าใช้จ่ายในการสัมมนาและฝึกอบรม 1 ,556,000 บาท
(6)
ค่าประชาสัมพันธ์ 9 ,220,000 บาท
(7)
ค่าใช้สอยอื่น ๆ 1 ,661,500 บาท
(8)
วัสดุสำนักงาน 7 21,900 บาท
(9)
วัสดุเชื้อเพลิงและหล่อลื่น 3 00,000 บาท
(10)
วัสดุงานบ้านงานครัว 1 00,000 บาท
(11)
วัสดุไฟฟ้าและวิทยุ 1 00,000 บาท
(12)
วัสดุโฆษณาและเผยแพร่ 2 00,000 บาท
(13)
วัสดุคอมพิวเตอร์ 9 00,000 บาท
(14)
วัสดุยานพาหนะและขนส่ง 1 00,000 บาท
รายละเอียดงบประมาณจำแนกตามงบรายจ่าย

กรม : สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
2.2
ค่าสาธารณูปโภค 2 ,294,400 บาท
2.2.1
ค่าสาธารณูปโภค 2 ,294,400 บาท
(1)
ค่าโทรศัพท์ 8 21,700 บาท
(2)
ค่าน้ำประปา 6 2,000 บาท
(3)
ค่าไปรษณีย์โทรเลข 1 83,800 บาท
(4)
ค่าไฟฟ้า 1 ,085,700 บาท
(5)
ค่าบริการสื่อสารและโทรคมนาคม 1 41,200 บาท


ตัวอย่างบางตอนว่าเงินที่มาทำโครงการพระราชดำริมาจากไหน

นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2550 กรมชลประทานได้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 33,835 ล้านบาท โดยแผนงานในปี 2550 กรมชลฯ มีการดำเนินโครงการขนาดใหญ่จำนวน 9 โครงการ รวมเป็นเงิน 8,243 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่เปิดโครงการโดยคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดำริจำนวน 4 โครงการ

5.
ในหลวงทรงเป็นพระราชบิดาของครอบครัวตัวอย่าง

พระราชโอรส พระราชธิดา ของในหลวงทรงมีชีวิตสมรสที่ไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ก็เป็นไปอย่างอิสระ ทรงให้อิสระในการเลือกคู่สมรสเยี่ยงครอบครัวยุคใหม่พึงเป็น

พระราชธิดาพระองค์โตลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับชาวอเมริกัน แม้ต้องหย่าในภายหลัง แต่พสกนิกรชาวไทยก็ยังเทิดเกียรติทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์เยี่ยงพระราชวงศ์ชั้นสูง มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมี เด็กนักเรียนได้เจียดค่าขนมไปชมภาพยนตร์ที่ท่านแสดงเป็นตัวเอก เพื่อจะได้ซึมซาบในพระอัจริยภาพ พระธิดาของท่านเองก็มีผลงานทางด้านการแสดง และปรากฎคลิปการแสดงเป็นที่ปรากฎในอัจริยภาพไปทั่วโลกให้พสกนิกรชื่นชม

พระราชโอรสพระองค์เดียว รัชทายาทของไทยมีชีวิตสมรสและครอบครัวอันอบอุ่นดังปรากฎอยู่บนบิลบอร์ดข้างทางด่วน พระองค์ท่านยังมีโอรสที่อยู่ในต่างประเทศอีก 4 พระองค์ให้พสกนิกรได้ถวิลหาและติดตามข่าวคราวอยู่เป็นระยะไม่ขาดสาย แสดงถึงความผูกพันของปวงชนชาวไทยที่มีต่อพระราชวงศ์

พระราชธิดาองค์กลางพึงพอใจที่จะเป็นโสด และเสกสมรสกับประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่ง พระองค์ท่านได้รับความโปรดปรานจากพระราชบิดาให้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลายหลักทรัพย์ อันจะทำให้มีพระราชทรัพย์เสด็จพระราชกุศลต่อปวงชนชาวไทยต่อไป

พระราชธิดาองค์เล็กแม้จะทรงหย่ากับพระสวามีนายทหารอากาศ และพระพลานามัยไม่ดีนัก แต่พสกนิกรก็สบายใจเมื่อได้เห็นนายแพทย์ท่านหนึ่งคอยรับใช้ใกล้ชิดเวลาติดตามชมข่าวพระราชสำนักอยู่เสมอ

ทุกพระองค์ทรงพระราชกรณียกิจเหนื่อยยากไปยังต่างประเทศทั่วโลก และพสกนิกรชาวไทยก็ได้ติดตามเสมอในข่าวรอบสองทุ่ม ทำให้พสกนิกรชาวไทยได้เปิดหูเปิดตาเสมือนกับได้ท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลก นับเป็นบุญอันน่าอิจฉาของทุกผู้ทุกนามที่เกิดมาใต้พระบรมโพธิสมภารเป็นที่ยิ่งแล้ว

ปวงข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จึงได้รวบรวมพระราชกรณียกิจที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานมาแสดงให้ปรากฎไปทั่วสากลจักรวาล เพราะพระราชกรณียกิจ และพระราชบุญญาธิการทั้งปวงดังกล่าวมานี้มีหลักฐานบันทึกไว้ในเอกสารราชการ และเอกสารต่างๆอย่างชัดแจ้ง ควรที่พสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดีจักได้บอกกล่าวแพร่กระจายเพื่อสรรเสริญพระเกียรติให้กว้างไกลในทุกช่องทาง

หากผู้ใดอ่านแล้วไม่กระจายต่อ ก็โปรดถามตัวเองให้ดีเถิดว่า คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า หากเป็นคนไทยทำไมไม่ช่วยกันกระจายพระบารมีให้เกริกก้องฟ้าปรากฎแก่สามโลกทั้งมนุษย์ และเทวดาจะได้แผ่พระเกียรติกำจายไปตลอดนิจนิรันดร์

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

พสกนิกรชาวไทยที่น้อมสำนึกในพระมหากรุณิคุณ และขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไทย

หะหายกระต่ายเต้น ชมแข
สูงส่งสุดตาแล สู่ฟ้า
ระดูฤดีแด สัตว์สู่ กันนา
อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นเดียวกัน


-
ศรีปราชญ์
กวีและปัญญาชน สมัยพระนารายณ์มหาราชตอบโต้พวกศักดินา
http://longlingtheking.blogspot.com/