Australian and Briton Appear in Thai Court

เธอคือใคร

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รวมคลิปการปราศรัย พรรคเพื่อไทย จ.ราชบุรี 8 ส.ค. / เรื่องของความ 'หน้าด้าน'

วันจันทร์, สิงหาคม 09, 2010

รวมคลิปการปราศรัย พรรคเพื่อไทย จ.ราชบุรี 8 ส.ค.

ภาพโดย Speed Horse & Buddy
ไอที Fujiko
บันทึก Tuxedo
9 สิงหาคม 2553



คลิกเพื่อเข้าเมนูรวมดาวน์โหลด 2010-08-08 ราชบุรี เพื่อไทย

รายงาน "นปช.สัญจร" ที่ Marienplatz มิวนิคประเทศเยอรมนี 7 ส.ค.

โดย namping
ที่ีมา prachachon.org
9 สิงหาคม 2553

ข่าว+ภาพ ผู้มีหัวใจประชาธิปไตยและรักความเป็นธรรมจากทุกสารทิศในยุโรป และเยอรมัน ต่างเดินทางมาร่วมงาน "นปช.สัญจร" ทัวร์นกขมิ้นแดงเจ๊ดที่เมืองมิวนิค (Marienplatz) ประเทศเยอรมนี

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม เวลา 16.00น.ตามนัดหมาย Marienplatz เป็นลานกลางแจ้ง หน้าที่ว่าการกลางเมืองมิวนิค

แต่ ละกลุ่มต่างนำรถของตัวเองเดินทางมาถึงจุดนัดพบ และใช้ความสามรถของตนเป็นพลังร่วม พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้เป็นสื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหลากหลายตามสไตล์ไอเดียของ ตน

กลุ่มจาก Frankfurt ต่างคนต่างไป ทุกปัจเจกทำงานร่วมกันโดยใช้พรสวรรค์ของแต่ละบุคคลปฏิบัติกิจกรรมที่ตนถนัด

กลุ่ม ไรน์แลนด์ฟาลซ์ + ดึสเซลดอร์ฟ เดินทางมาสองคันรถในนามของทัวร์นกขมิ้นแดงแจ๊ด นปช.สัญจรพร้อมป้ายสี่แยกราชประสงค์, ผ้าแดงสำหรับผูก, ซีดีบอกเรื่องราวเหตุการณ์ความจริง พร้อมเอกสารกำกับภาษาเยอรมัน และไทย หน้ากาก ตีนตบฯลฯ

กลุ่มหนุ่ม ๆ มาจากเหนือสุดเมืองฮัมบวร์ก พร้อมช่างภาพมือดี และคณะตัวละครมาแสดงกลางแจ้ง

กลุ่ม นศ. หนุ่มสาวจากซาบรูกเค่น พร้อมโฆษกไฟแรงคุณภาพดี(พูดภาเยอรมัน+ไทย)

กลุ่มบาเดน บาเดน ที่เหนียวแน่นที่สุด ยืนหยัดร่วมพลังต่อต้านเผด็จการสุดชีวิต

สำคัญที่สุดคือกลุ่มเจ้าถิ่น นครมิวนิค โดยคุณนิดหน่อย และครอบครัว

ซึ่ง เตรียมขอใบอนุญาติกับทางการให้พวกเราใช้สถานที่จนถึงเวลา 19.00 น จัดเตรียมโต๊ะตั่งอุปกรณ์ป้าย, ธง นปช.ฯลฯใช้สำหรับจัดทัพริ้วขบวน

16.00 น.ทันทีที่เหล่าทีมงานมาถึง Marienplatz ธงทิวแดงก็ปลิวไสว ณ บัดดล ท่ามกลางอากาศแจ่มใสและผู้คนเดินขวักไขว่มากมาย





โฆษกอาสาสมัครมีทั้งภาคภาษาไทย/และเยอรมัน ผลัดเปลี่ยนกันถือโทรโข่ง และสนทนาส่วนบุคคลกับผู้สนใจ

ละคร จำลองภาพเหตุการณ์ "ฉันเห็นคนตายที่ราชประสงค์" มีคนสนใจมายืนชมหนาแน่นที่สุด ตัวสีน้ำเงิน กับตัวสีขาวขวางลายแดง มาจากรายการอื่น แต่กระโดดเข้ามาร่วมแสดงอย่างสมบทบาท

พวกเราถามเขาสองคนว่า "แล้วคุณเข้าใจว่าพวกเราทำอะไรด้วยหรือเปล่า"

พวกเขาตอบว่า "แน่นอน เมืองไทยเป็นที่สนใจของทักท่องเที่ยวยุโรปมาก สมัยนี้ข่าวสารบิดเบือนกันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"







หลังการแสดงจบลงพวกเราได้รับการปรบมือกึกก้องจากผู้คน และยกกล้ามให้กำลังใจพวกเราว่า สู้ สู้ สู้ต่อไปอย่ายอมแพ้*

หลาย คนมาถามพวกเราอย่างสุภาพว่า "แล้วในฐานะคนยุโรปที่ทราบเรื่องราวจะช่วยพวกคุณอย่างไรได้บ้าง?" พวกเราก็แจ้งว่า"ช่วยกรุณาพูดความจริงต่อ ๆ ไป ให้โลกรับรู้ความจริงที่เราบอกชาวโลกวันนี้ ให้กว้างขวางที่สุด"

ทั้ง มวลคือการประกาศให้โลกรับรู้ว่า"เราเห็นคนตายที่ราชประสงค์"โดยการฆ่าของ เผด็จการ โดยกลุ่ม Thairedgermany และ กลุ่มแนวร่วมแดงทุกสายพันธ์

นปช.สัญจร ทัวร์นกขมิ้นแดงแจ๊ดจึงขอขอบพระคุณทุกมิตรร่วมการต่อสู้ ขอบพระคุณสำหรับคุณนิดหน่อยและครอบครัวที่ดูแลพวกเราจากต่างเมืองด้วยที่พัก และอาหารอย่างอบอุ่น

ขอบคุณสำหรับโฟนอินให้กำลังใจจาก นายกทักษิณ ชินวัตร นายกในดวงใจของประชาชน และ สส.จตุพร พรหมพันธ์

Thairedgermany นปช.สัญจร ทัวร์นกขมิ้นแดงแจ๊ด มีนัดต่อไปกับมิตรแดงทุกสายพันธ์ที่เมืองฮัมบวร์ก* เร็ว ๆ นี้



วันอาทิตย์, สิงหาคม 08, 2010

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ : ชาตินิยมสยาม และชาตินิยมไทย กับกรณีปราสาทเขาพระวิหารมรดกโลก

ณ ตอนนี้ ผมกำลังงงๆๆ งวยๆๆ (แกมขำขัน)กับ “ปราสาทเขาพระวิหารมรดกโลก” (ซึ่งกลายเป็นความเมืองระหว่างประเทศหลังจากประชุมที่บราซิเลียของ นรม. และกับ รมต. ของรัฐบาลไทย versus รอง นรม. และ ครม. กัมพูชา Who speaks the truth to each and their own peoples, or none at all ? ครับ หรือไม่มีใครพูด “ความจริง” ทั้งหมดกับประชาชนเลย)

“ต้นตอ” ของปัญหานี้ ขอสรุปเป็นเบื้องต้นว่า สมัยเมื่อเรายังเป็น "สยาม" กับสมัยที่เปลี่ยนเป็น "ไทย" แล้ว ความคิดความอ่านหรือ “ลัทธิชาตินิยม” และ “ความรักชาติ” ของทั้ง 2 ยุคสมัย-ต่างกันมาก ซึ่งก็จะเลยเถิดไปถึงการ “รับ” หรือ “ไม่รับ” แผนที่ “เจ้าปัญหา” แผ่นนั้น

แผนที่แผ่นนี้ มักเรียกกันด้วยชื่อผิดๆและประหลาดๆ โดยนักวิชาการ-นักการทหาร-และสื่อมวลชนฯ ว่า “แผนที่ 1 ต่อ 200,000” (หนึ่งต่อสองแสน !!!???) ซึ่งสร้างความงุนงง-มึนให้กับประชาชนทั่วๆไป

ความจริงชื่อที่แท้จริงของมันก็มี คือ แผนที่ Dangrek ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่าแผนที่ “ดงรัก” หรือ “ดงเร็ก” นั่นเอง (ที่มาภาพ)


“แผนที่ ดงรัก” ดังกล่าวนี้ รัฐบาลสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของ ร.๕ ซึ่งมีสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ (ต้นสกุลดิศกุล) เป็นมหาดไทย กับมีสมเด็จกรมฯเทววงศ์ (ต้นสกุลเทวกุล) เป็นการต่างประเทศ ได้ “รับรอง” แผนที่แผ่นนั้น และนำมาใช้ในประเทศของเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เพราะต้องการรักษา “อธิปไตย” ของสยาม (ส่วนใหญ่) เอาไว้

ครับ ไม่รับก็ไม่ได้ เพราะสมัยนั้น คือ gunboat diplomacy/politics และนี่ก็เป็นหลักฐานหรือเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ “ศาลโลก” ที่กรุงเฮก ในปี พ.ศ. 2505 ตัดสินด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 ว่า “ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่ในอาณาเขต ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา”)


แล้วลูกระเบิดทางการเมืองสำหรับสังคมไทย ก็ถูกวางไว้ตั้งแต่สมัยของจอมพลสฤษดิ์ ครั้งกระนั้น

ย้อน กลับไปให้ไกลใน ปวศ. อีก คือ ครั้งเมื่อ “รัฐบาลปีกขวา” ของ “คณะราษฎร” นำโดย “พิบูลสงคราม-วิจิตรวาทการ” เปลี่ยน “สยาม” เป็น “ไทย” เปลี่ยน Siam เป็น Thailand นั่นแหละ ก็ได้เริ่มกระบวนการที่จะไม่รับ “แผนที่ดงรัก” แผ่นนั้น (รวมทั้งไม่รับสนธิสัญญาสมัยสยามกับฝรั่งเศส (ร.ศ. 112) อีกด้วย) นี่ก็นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 หรือสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

สรุป จะเห็นได้ว่าเมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว รัฐบาลของรัชกาลที่ 5 ในยุคของ “ลัทธิชาตินิยมสยาม” ได้ยอมรับทั้งสนธิสัญญาและแผนที่กับฝรั่งเศส แต่ต่อมาเมื่อ 70 ปีที่แล้ว รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม (ที่ส่งทอดมายังจอมพลสฤษดิ์) ในยุคของ “ลัทธิชาตินิยมไทย” ไม่ยอมรับ

พอ มายุคสมัยนี้ ที่เราๆท่านๆ อาจถูกชี้หน้าถามว่า “เป็นคนไทยหรือเปล่า” สังคมของเราจึงยังย่ำอยู่กับ "ลัทธิชาตินิยมไทย" (ไม่ใช่ “ลัทธิชาตินิยมสยาม”) ดังนั้น ทั้งรัฐบาลปัจจุบันและพันธมิตรร่วมอุดมการณ์ (รวมทั้งนักวิชาการที่ขังตนเองอยู่ใน “เขตแดนรัฐชาติ” อย่าง ดร. อดุล-อ. ศรีศักร) ก็รับช่วงต่อๆกันมาจาก "ลัทธิผู้นำของพิบูลสงคราม-วิจิตรวาทการ-สฤษดิ์-เสนีย์" (จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม) ตกทอดกันมา ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของ “ลัทธิชาตินิยมไทย” ซึ่งถือได้ว่าเป็น “เวอร์ชันแปลง” ของ Thailand มิใช่ “ลัทธิชาตินิยมสยาม” ซึ่งเป็น “เวอร์ชันดั้งเดิม” ของ Siam

บุคคล ระดับ “ผู้นำ” เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น จอมพล-นายกฯ-รมต. นักการเมือง นักการทหาร นักวิชาการ (ที่จำกัดอยู่ในเขตแดนของรัฐ) นักเคลื่อนไหวมวลชน หรือสื่อมวลชนกระแสหลัก ไม่ว่าเป็นภาครัฐ หรือภาค (ที่อ้างว่าเป็น) ประชาชน ไม่ยอม “รับรู้” หรือ “ประสงค์” ที่จะรับรู้ว่า "เสด็จพ่อ ร. ๕ กับสมเด็จกรมเทววงศ์ (กต.) และสมเด็จกรมดำรงฯ" (มท.) ได้ทรงทำอะไรไว้ ได้ทรงกำหนดเขตแดน-ขอบเขต-และเส้นทางเดินของรัฐ "สยาม" กับประเทศข้างเคียงไว้อย่างไร (ที่ในช่วง “หน้าสิ่วหน้าขวาน” เมื่อประมาณระหว่าง พ.ศ. 2436-2450 (1893-1907 อันเป็นจุดสูงสุดของลัทธิอาณานิคมล่าเมืองขึ้น Height of colonialism หรือ 100 ปีมาแล้วนั้น ในห้วงเวลาที่ไม่มี “มหามิตร” ที่สยามคิด (ฝัน) ว่าจะพึ่งพาได้เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษของพระนางวิกตอเรีย ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียของพระเจ้าซาร์ ไม่มีองค์กรระหว่างประเทศอย่าง “สันนิบาตชาติ” หรือ “สหประชาชาติ” หรือ Unesco ฯลฯ ที่จะเข้ามาแทรกแซง) ดังนั้นจึงต้อง “จำยอม” และ “เลยตามเลย”

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ถึง พ.ศ. 2482 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังที่กล่าวข้างต้น รัฐบาลใหม่ (ปีกขวาของคณะราษฎร)และ/หรือ “ผู้นำใหม่” อย่าง "พิบูลสงคราม-หลวงวิจิตรวาทการ" ก็เปลี่ยน "สยาม" เป็น "ไทย" เปลี่ยน Siam เป็น Thailand แล้วก็เปลี่ยนจินตนาการใหม่ และก็เริ่มสร้างปัญหาใหม่ๆ ส่งทอดต่อๆมา ผ่านนักการทหารบ้าง (อย่างสฤษดิ์) ผ่านนักการเมืองบ้าง (อย่าง ม.ร.ว. เสนีย์) ให้มาเป็นปัญหาอยู่กับเราๆท่านๆจนถึงทุกวันนี้

และ เราประชาชนไม่ว่าจะชนชั้นบน-กลาง-ล่าง ก็ต้องรับมรดกอันเลวร้ายทาง ปวศ. (บาดแผล-บกพร่อง) ที่ถูกนำมา “ปลุกผี” และ “ปัดฝุ่น” ทำให้กลายเป็นปัญหาของ "มรดกโลก" นับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2551 จากควีเบ็ก ไปเซวีญา ไปบราซิเลีย และก็จะไปบาห์เรน ในปีหน้า 2554

นี่เป็น “โศกนาฏกรรมระดับชาติ” ในยุคสมัยที่เราน่าจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า เพื่อคนรุ่นใหม่ ไปให้พ้น “อดีตเก่าๆ” ที่ “ล้าหลังและคลุ้มคลั่ง” ไปให้พ้น “ปวศ.บกพร่อง” - “ปวศ.บาดแผล” เดินไปข้างหน้า ตั้งฝันไปให้ไกล ไปให้ถึง “โลกาภิวัตน์-โลกไร้พรมแดน-และประชาคมอาเซียน”

เรา ไม่เพียงจะต้อง “ปฏิรูป-ปรองดอง-สมานฉันท์-รักสามัคคี” กันกับผู้คนในชาติบ้านเมืองของเราเท่านั้น แต่ยังต้อง “ปฏิรูป-ปรองดอง-สมานฉันท์-รักสามัคคี”กับเพื่อนร่วมภูมิภาค และมนุษยชาติร่วมโลกอีกด้วย

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ

ป.ล. รัฐธรรมนูญใหม่ของบ้านนี้เมืองนี้ ถ้าไม่เป็น “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม-สยามประเทศ” ก็ “ปฎิรูป-ปรองดอง-สมานฉันท์-รักสามัคคี” กันไม่ได้

บทกวี "คือแม่ที่แท้จริง"

บทกวีโดย ดาว วัญ กุ๋ย

๑. คือแม่ที่แท้จริง
สงครามทั้งสิ้น
ให้กำเนิดนิยายพลัดถิ่นโหดร้าย
ใบไม้พรากรากเหง้าแรมรอน
จากเหงะอาน-ฮาติญ ใจกลางแผ่นดินรูปพระจันทร์เสี้ยวบิหัก

สงครามทั้งนั้น
กำหนดเข็มชีวิตลัดเลาะป่าเขาภายนอกผืนดินเกิด
ลอยคอข้ามแม่น้ำโขงละลายธารน้ำตาสู่แผ่นดินที่สามอย่างอาวรณ์

เมล็ดพันธุ์พลัดรากก่อกำเนิดในยามแผ่นดินแม่ผจญทุกข์
จากชีวิตแรก โหมด ชีวิตที่สอง ฮาย ชีวิตต่อมา บา โบน หนาม เสา ไบ่ ต่าม จิ๋น และชีวิตสุดท้อง เหมื่อย
เดือน ปี เคลื่อนผ่านความยาวนานอย่างยากลำบาก
คนไร้แผ่นดิน การหมิ่นหยามและสายลมลัทธิแตกต่าง
ในนามแม่ผู้ให้ชีวิตลูกชายหญิง
บทเพลงขับกล่อมลูกน้อยล้วนปลุกขวัญพลังใจ
ชัยชนะ ความดี ความสุข อิสรภาพ สันติภาพ ตะวันแรก ปราดเปรื่อง เกียรติภูมิ พิสุทธิ์ เอกราช
รหัสนัยแห่งนามทั้งสิบลูกหลานโฮ่จิมิญ
ยังผูกโยงดวงใจอยู่กับการต่อสู้ผู้รุกรานและอยุติธรรม
แม้ความหวังร่วงโรย ล่วงเลยผ่านหน้าอย่างเย็นชาเพียงลำพัง

แม่เพียงคนเดียว
มิได้กลับคืนมาตุภูมิรูปพระจันทร์เสี้ยวริมเสียงคลื่นพร้อมตายาย น้าชายและน้าหญิง
แม่เพียงคนเดียว
แบกความฝันแห้งเหี่ยว ดิ้นรนอยู่กับทุกข์ระทมและปากท้องเมล็ดพันธุ์พลัดรากทั้งสิบ
แม่เพียงคนเดียว
จิตใจแข็งแกร่งบนดวงหน้าโอบอ้อมอารี
คล้ายแววตาดวงดาวลุงโฮ่จิมิญในกรอบรูปติดผนังบ้านเหวียตเกี่ยว*
แม่เพียงคนเดียวของฉัน
แม่เพียงคนเดียว...เท่านั้น

๒. และแม่ที่แท้จริง
ไวน์ขวดหนึ่งกักเก็บแม่น้ำทั้งสายไว้
เครื่องประทินกายล้วนหยาดเหงื่อความศรัทธา
ประดับประดาอัญมณีเม็ดโตซึ่งมิใช่ของใคร

ใบไม้บนดอยสูงย่อมแตกสีสัน
เย็นชื่น เบ่งบานดอกในอุทยานกว้างใหญ่
งานการที่ทำสิ่งแรกในวันอันเร่งรีบคือ นอน และ นอน
เขียนหน้าทาปากขณะคิดคำนวณเมล็ดพันธุ์ผลผลิตที่มิเคยหว่านดำ
ตามความพึงพอใจบรรจุซองสีเงินหลังฤดูเก็บเกี่ยว

หยิบยืมมือเหี่ยวย่น
ถักสานเครือข่ายสูบเลือดหยาดหยดเพื่อชุบชูชีวิตอันเป็นนิรันดร์
ดอกไม้กลิ่นหอม
เป็นแต่มลทินแปดเปื้อนมาลัยมาลี
จากใจบริสุทธิ์ระลึกบุญคุณอันใหญ่หลวง
หรือบันทึกกรรมเวรลอยเด่นบนใบหน้าขาวโพลนล้นพ้นอยุติธรรม
มุมมองย่อมแตกต่าง
ฟ้ากับดิน

*เหวียตนามพลัดถิ่น เรียกตัวเองว่าเหวียตเกี่ยว
( อาจเป็นที่มาของคำว่า “ แกว ” ที่คนไทย,ลาว บางพวกใช้เรียกคนเหวียตนาม )

วันเสาร์, สิงหาคม 07, 2010

น้องเดียร์วอนหยุดใส่ร้ายเสธ.แดง:คนตายจะสั่งก่อการร้ายได้ไง


โดย นกไฟ
8 สิงหาคม 2553

เมื่อ วานนี้(7 สิงหาคม )นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ""น้องเดียร์" ลูกสาว"เสธ.แดง"พลตรีขัติยะ สวัสดิผล ได้เดินทางลงใต้เยื่ยมแฟนคลับของคุณพ่อ พร้อมประกาศจุดยืนสานงานของพรรคขัตติยธรรมว่าจะยังคงอยู่และสู้ต่อไป


เธอ กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า ที่ผ่านมามีแต่ข่าวด้านลบทั้งตัวเองและพ่อ โดยเฉพาะการจับกุมบุคคลต่างๆแล้วเชื่อมโยงกับเสธ.แดง ขอยืนยันว่าเป็นการถูกใส่ร้าย ตอนนี้ตัวเองเดินตามรอยพ่อชัดเจน ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากชาวเสื้อแดง ทั้งไม่หวั่นจะถูกโจมตีว่าแย่งมวลชนของพรรคเพื่อไทย เพราะจะชูนโยบายของพรรคตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว แล้วให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ

น้องเดียร์ได้วิงวอนผู้เกี่ยวข้องหยุดใส่ร้ายพ่อของตนเองได้แล้ว คนตายไปแล้วจะสั่งการให้ใครทำอะไรได้อย่างไร

ทั้ง นี้DSIได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายแล้วอ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับเสธ.แดง โดยอ้างว่าเป็นมือขวาบ้าง เป็นมือซ้ายบ้าง หรือเป็นทีมงานเสธ.แดงบ้างก่อการวินาศกรรม หรือการก่อการร้าย แต่ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดล้วนให้การปฏิเสธ

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา



ปล.หนังสือไฮแลนด์นิวส์ ฉบับ พีเพิลแชนแนล เล่มที่ 2 ออกจำหน่ายแล้ว งานนี้ได้น้องเดียร์เป็นพรีเซ็นเตอร์ ติดต่อซื้อหนังสือ 02-934-8877


ติดตามข่าวเพิ่มเติม:โทรทัศน์เอเชียอัพเดตสัมภาษณ์ “น้องเดียร์”วอนให้หยุด ปรักปรำบิดา

เรื่องของความ 'หน้าด้าน'

โดย คุณป้าปากเกร็ด
ที่มา เวบบอร์ด internetfreedom
7 สิงหาคม 2553

อาการหน้าด้านหน้าทน เดี๋ยวนี้เป็นกันมาก อาจเพราะเรามีผู้บริหารที่หน้าด้านสุดๆ คนเลยนึกว่าถูกต้อง ที่จะกลายเป็นคนหน้าด้าน จึงเห็นคนหน้าด้านทั่วบ้านทั่วเมือง

เริ่มตั้งแต่การที่ออกมาบอกว่า"ผมมาโดยถูกต้องตามระบอบรัฐสภา เพราะคนในสภา โหวตให้ผมเป็นนายกฯ" ทั้งๆ ที่ไม่ได้ชนะเลือกตั้ง

หน้าด้านลอกนโยบายเขามาแล้วไม่ยอมรับ ตีกินเอาเป็นผลงานของตน

หน้าด้านที่ กลืนน้ำลายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า พูดออกมาว่า"ไม่ว่าจะ 1 คน หรือแสนคน ต้องฟังเขา" นี่ออกมาเป็นล้าน นอกจากไม่ฟังยังเอาทหารมาล้อมปราบ ฆ่าคนตายเกลื่อนเมือง แต่กลับหน้าด้านบอกว่าไม่มีคนตาย (แรกๆ ว่างั้น) พอศพมันเกลื่อนกลับบอกว่ายิงกันเอง

หน้าด้านที่ บอกว่า "การทำร้ายประชาชน ไม่สมควรนั่งอยู่บนเก้าอี้" แล้วยังถามอีกว่า "เป็นคนหรือเปล่า?" แต่มันฆ่าแล้วยังลอยหน้าอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่

ล่าสุดมีกลุ่มคนที่หน้าด้านอย่างไม่อายฟ้าดิน อ้างความรักชาติ ออกไปทวงแผ่นดิน (ที่ไม่ใช่ของตัว)คืน

เรื่องเขาพระวิหาร ออกมาโวยวายว่าต้องเอาพื้นที่คืน บ้าหน้าด้าน ใครๆ ก็รู้ ว่าเราพ่ายแพ้ในระดับศาลโลก ถูกตัดสินว่า พระวิหารเป็นของกัมพูชา มาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 นี่ก็ผ่านมาเกือบ 50 ปีแล้ว ยังหน้าด้านโวยวายจะเอาคืน ปลุกกระแสความรักชาติบ้าๆ บอๆ โดยลืมไปว่า คนเขาไม่ไปร่วมด้วย เพราะ เขาอาย อายที่จะเป็นคนหน้าด้านที่จะไปทวงสิทธิ์ที่ไม่ใช่ของตัว

ก็ขนาดแค่ออกไปทวงสิทธิ์เลือกตั้ง ยังถูกยิงหัวแบะ แล้วออกไปทวงสิทธิ์ ที่ไม่ใช่ของตัวเช่นพระวิหาร ใครเขาจะไป แต่รัฐบาลหน้าด้านก็ออกมารับลูกอย่างดี ถ้อยทีถ้อยอาศัย คงเพราะหน้าด้านระดับเดียวกัน

หน้าด้าน แก้ผ้าโชว์ ก็ทำกันอย่างไม่อับไม่อาย

หน้าด้านที่จะแสดงออกว่า แยกไม่ออกระหว่างดีกับชั่ว เห็นผิดเป็นชอบ กงจักรชัดๆ ดันเห็นเป็นดอกบัว ชื่นชมคนเลวจนออกนอกหน้า

อย่างนี้ไม่เรียกว่า หน้าด้าน จะให้เรียกว่าอะไร

--------------------------------------------------------------------------------
ชาติคือประชาชน ใช่เพียงคนไม่กี่คน ฉะนั้นด่ามันอย่ามาหาว่าด่าชาติ



--
http://www.unblockallweb.com/
http://downmerng.blogspot.com
http://picasaweb.google.com/prainn999/14255302# ทัพผ่านฟ้าสู่ราชประสงค์ วันที่ 14 เมษายน 2553
http://www.unblockallweb.com/index.phpq=aHR0cDovL2Rvd25tZXJuZy5ibG9nc3BvdC5jb20%3D&hl=3e8
http://www.112victims.org/
http://www.thaifreenews.org/
http://friendfeed.com/
http://chirpcity.com/bangkok/3
http://www.radaroo.com/
http://factsforthais.blogspot.com/2009/05/7.html
http://tv.kapook.com/nbt.php
http://friendfeed.com/antactica
block
http://www.ustream.tv/channel/redheart
http://redpower-sm-germany.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น